ยุ้ย จีรนันท์ ธันน์ ธนากร ไม่เป็นดาราแล้ว
คู่รัก ยุ้ย จีรนันท์-ธันน์ ธนากร เปิดบ้านให้ วู้ดดี้โชว์ พาทัวร์ เผยชีวิตหลังผันตัวค้าขายออนไลน์ รายได้ 3 ชั่วโมง 3 ล้าน พร้อมเปิดตัวลูกติด
เสาร์นี้พาทัวร์บ้านคู่สามีภรรยาที่หวานชนิดน้ำตาลเรียกพี่ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่ นางเอกสาวตัวแม่ ยุ้ย จีรนันท์ กับสามีสุดที่รัก ธันน์ ธนากร เปิดบ้านพาชมมุมต่างๆ ผ่านรายการวู้ดดี้โชว์ โดยทั้งคู่เอ่ยว่ายังไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน
แถมเผยว่าตอนนี้ผันตัวมาเป็นซุปตาร์ออนไลน์ ที่มีรายได้ถล่มทลายยอดขายทะลุหลักล้าน รวมทั้งเปิดตัวลูกติด ยุ้ย-ธันน์ ว่าใครกันนะ
วันนี้เราจะได้พูดคุยกันแบบข้ามจังหวัด แขกรับเชิญตอนนี้อยู่จังหวัดสระบุรี นอกจากเป็นซุปตาร์ระดับประเทศแล้ว ตอนนี้ยังกลายเป็นซุปตาร์ออนไลน์อีกด้วย ตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้พูดคุยกับสองสามีภรรยา ขอต้อนรับ ยุ้ย จีรนันท์ และ ธันน์ ธนากร สบายดีไหมครับ ?
ยุ้ย : สบายดีค่ะ รู้สึกตื่นเต้นมากเลยค่ะ สัมภาษณ์กันข้ามจังหวัด
ธันน์ : สบายดีครับ ต้องขอบคุณเทคโนโลยีนะครับ
ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับบอกทุกคนหน่อย?
ธันน์ : ตอนนี้เรา 2 คนอยู่ที่จังหวัดสระบุรีครับผม
ยุ้ย : ใช่แล้วค่ะ บ้านหลังนี้ก็คือบ้านที่เราสร้าง เป็นเรือนหอของเรานี่แหล่ะค่ะ ปลูกเสร็จ 3 ปีแล้ว อยู่กันมาตั้งแต่แต่งงานกันมาก็ 2 ปีกว่าแล้ว ที่บ้านหลังนี้ก็มีครอบครัวของยุ้ยอยู่ด้วยค่ะ อยู่กันประมาณ 20 กว่าชีวิตได้
ธันน์ : บ้านหลังนี้เราซื้อที่ดินมาตั้งแต่ 8 ปีแล้ว แล้วก็ค่อยๆ ตกแต่งมาเรื่อยๆ ครับ ตั้งแต่ทำร้านอาหารมาก่อน แล้วก็ต่อเติมมาเรื่อยๆ ถือว่ารายการพี่วู้ดดี้เป็นรายการแรกเลยนะครับที่ได้เปิดบ้าน
บ้านดูอบอุ่นมากเลยนะครับ มีโอกาสใช้สระว่ายน้ำบ่อยไหม เพื่อนไปเที่ยวบ่อยไหมครับ?
ยุ้ย : ได้ใช้สระว่ายน้ำบ่อยเลยค่ะ ถ้าก่อนโควิดเพื่อนๆ มาทุกอาทิตย์ค่ะ แต่ช่วงนี้เว้นระยะกันค่ะ
ธันน์ : เพื่อนมาบ่อยครับ
ได้ข่าวว่าที่นั่นมีพี่น้องอยู่ด้วยกันถึง 20 ชีวิต?
ยุ้ย : คือเราจะมีทั้งบ้านคุณแม่ บ้านคุณน้า และก็บ้านพี่สาว และก็หลานๆ ก็จะอยู่บริเวณนี้ทั้งหมดค่ะ
ธันน์ : อยู่กันประมาณ 5 ครอบครัวครับ
ตอนนี้ทั้งยุ้ยและธันน์ได้ผันตัวมาเป็นผู้ค้าขายออนไลน์ นอกจากจะใช้ความสามารถแล้วต้องอดทนเป็นอย่างมาก ทำไมถึงตัดสินใจมาขายออนไลน์?
ยุ้ย : ต้องบอกก่อนว่า ยุ้ย เป็นแม่ค้ามาตั้งแต่เด็ก เราช่วยพ่อแม่ขายของมาตลอด ในตอนที่ปิดเทอม ยุ้ยจะเป็นเด็กที่บอกได้เลยว่าขยันมาก ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยไปวิ่งเล่นจะขายของตลอด จะขอเงินคุณตาคุณยายไปลงทุนซื้อไข่นกกระทามา หรือขายขนมหวานบ้าง
คือนิสัยตัวเองจะเป็นแม่ค้ามาตลอดแต่พอโตขึ้นด้วยชีวิตที่พลิกผันดวงหรืออะไรต่างๆ ทำให้เราโชคดีเข้ามาอยู่ในวงการเป็นนักแสดงตามอาชีพที่เราฝันเอาไว้และรักมากที่สุด จริงๆ แล้วสายเลือดแม่ค้ายังคงมีอยู่ในตัวเสมอ
ด้วยความที่ออนไลน์บูมมากในช่วงนี้ แล้วก็เจอเหตุการณ์อะไรหลายๆ อย่างที่เห็นว่าตอนนี้ทุกคนผันธุรกิจมาทางออนไลน์กันหมดแล้ว ในเมื่อคนอื่นทำได้ทำไมเราจะทำไม่ได้ล่ะ
ซึ่งก็มีหลายคนที่ประสบความสำเร็จจากธุรกิจออนไลน์ เลยคิดว่าฉันต้องทำได้ ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น การปรับตัวที่เราต้องอยู่กับชีวิตที่มันเป็นไปได้ อย่างตอนนี้เป็นปีๆ แล้วที่ต้องหยุดถ่ายละคร ถ้ายุ้ยที่ต้องหยุดไปด้วย ครอบครัวจะอยู่ยังไงร้านอาหารที่ต้องปิดไปเพราะพิษโควิดจะอยู่ยังไง
จึงทำให้เราต้องกลับมาฮึดสู้ ฉันต้องกลับไปยืนหยัดในธุรกิจออนไลน์ให้ได้ ต้องบอกก่อนเลยว่าร้านอาหารที่สระบุรียุ้ยเปิดให้ครอบครัว มี แม่ พี่น้อง หลานๆ อยู่กัน 20 ชีวิต แต่พอมาโควิดรอบ 3 เราสู้ไม่ไหวจริงๆ ธุรกิจร้านอาหารปิด เราก็ต้องทำอะไรเพื่อต่อยอด เลี้ยงลูกน้องหรือเลี้ยงครอบครัว 20 ชีวิตได้
ธันน์ : เหมือนการสร้างอาชีพให้เขาครับ ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ทำอะไรตลอดเวลาอยู่แล้ว ด้วยการที่เรามีคนเยอะ เราก็ต้องหาอาชีพให้เขาด้วย
เมื่อก่อนจะเห็นยุ้ยขายของกับเพื่อนๆ ตอนนี้มีธันน์มาช่วยด้วย?
ยุ้ย : ดีค่ะ พอธันน์มาช่วย Live รู้สึกดีมากตรงที่เราช่วยกันเป็นกำลังใจให้กัน เราทำมาหากินอยู่หน้าห้องนอนของเรา ไม่ต้องออกจากบ้าน ไม่ต้องไปไหน หาเงินได้อยู่ในบ้านของเรา มันพิเศษที่สุดเลยค่ะ
ธันน์ : ตอนแรกที่เราทำเพจนี้กัน 2 คนขึ้นมา คืออยากจะช่วยเพื่อนๆ เพื่อนดาราที่มีสินค้าต่างๆ ช่วยกระจาย ด้วยสถานการณ์แบบนี้ทุกคนไม่มีงาน ไม่มีรายได้เข้ามา ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เป็นจุดหนึ่งเล็กๆ ที่เราได้ช่วยเพื่อนรอบข้างของเรา
ยุ้ย : ต้องบอกว่าเพจซุปตาร์ออนไลน์นอกจากจะช่วยเหลือครอบครัวยุ้ย ช่วยทำให้ทุกคนมีงานแล้ว ยังช่วยเพื่อนๆ พี่ป้าน้าอาหลายๆ ท่านที่ตอนนี้ขายของไม่ได้ หรือว่าตกงานกัน ไม่มีอาชีพให้ทุกคนได้ขายของด้วยกัน คือสิ่งที่ดีที่สุดเลยค่ะ
อยากถามพ่อค้าแม่ค้าคู่นี้หน่อยว่าขายได้มากที่สุดวันหนึ่ง เอาแบบตัวเลขกลมๆ เลยวันที่ดีที่สุด ประมาณเท่าไหร่และใช้เวลากี่ชั่วโมง?
ยุ้ย : 3 ชั่วโมง 3 ล้านค่ะ
เทคนิคในการทำได้ขนาดนั้นคืออะไร?
ธันน์ : แต่ต้องบอกก่อนว่าแรกๆ เรามีสินค้าที่ขายไม่ได้เลยก็มีนะครับ บางทีเราก็นั่งเครียดกัน แต่พอสักพักเริ่มจับจุดแล้วครับว่า อ๋อ! คือลูกค้าเรามีหลากหลาย ไม่จำเป็นต้องของแพงมาก ขายอะไรที่จับต้องได้ดีกว่า ขายเอาจำนวน
ยุ้ย : ทุกสิ่งทุกอย่างต้องอยู่ที่ใจด้วยค่ะ การเป็นพ่อค้าแม่ค้าสิ่งแรกเลยต้องซื่อสัตย์ ยุ้ยเชื่อว่าการที่เรามีทุกวันนี้ได้ เราอยู่กันมา 6-7 เดือนแล้ว ลูกค้าเรามีแต่เพิ่มขึ้น ยอดขายสูงขึ้นทุกวัน ของบางอย่างยุ้ยบวกกำไรน้อยมาก กล้าพูดเลยว่าบางอย่างยุ้ยบวกกำไรแค่ 20 บาท บางอย่างไม่ถึงด้วยไม่เป็นไรค่ะ
ตอนนี้เศรษฐกิจแบบนี้ต้องใจเขาใจเรา ถือว่าช่วยเหลือกัน คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันออกมาจากใจที่ปรารถนาดีจะทำให้ลูกค้าสัมผัสได้ แล้วก็รู้สึกได้ถึงความจริงใจของเราทั้ง 2 คน การเป็นตัวของตัวเองยุ้ยเชื่อว่าคนที่เขารักเราอยู่แล้วที่ได้ชมผลงานของเรา พอเขาได้มาเจอหรือสัมผัสตัวตนจริงๆ ผ่านหน้ากล้อง Live สด เขายิ่งรักเรามากขึ้น
เราเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่แก้ปัญหาช่วยเหลือ ลูกค้ามีปัญหาแบบนี้มาอยากได้คำแนะนำ เรายินดี ไม่ใช่สักแต่ว่าขายๆ ของ เราไม่ใช่แบบนั้น ดีบอกดี อันไหนไม่ดีก็บอกไม่ดี สิ่งนี้ยุ้ยเชื่อว่าลูกค้าค่อนข้างประทับใจ แล้วก็รักในตัวเรา
ธันน์ : เราขายไปก็อยากให้ลูกค้ามีความสุขคิดกันแบบนี้
เรามาคุยเรื่องนี้กันบ้างดีกว่าทั้งคู่แต่งงานกันมาแล้ว 2 ปี ใช้ชีวิตด้วยกันมาจนถึงวันนี้สามารถใช้คำนี้ได้ไหม “เลือกไม่ผิดจริงๆ”?
ธันน์ : ใช้ได้ครับ ด้วยความที่ผมตรงไปตรงมา จะไม่ค่อยรอบคอบในหลายๆ อย่าง ความคิดจะตรงไปตรงมามาก โมโหคือโมโห โกรธคือโกรธ พออยู่กับยุ้ยทำให้ผมใจเย็นขึ้นมาก มีสติขึ้นเยอะมากเลยครับจากเมื่อก่อนตอนวัยรุ่น
ยุ้ย : อย่างยุ้ยเอง กล้าพูดได้เลยค่ะว่าเลือกไม่ผิด คิดตั้งแต่ก่อนตัดสินใจที่จะแต่งงานแล้ว การที่จะแต่งงานกับใครสักคนเราก็ต้องคิดให้รอบคอบ พอแต่งงานกันมาทุกวันนี้ 2 ปีกว่าแล้ว รู้สึกว่าคิดไม่ผิด เข้าใจกันมากขึ้น ยิ่งอยู่ยิ่งรักกันมากขึ้น อย่างทุกวันนี้เราผูกพันกันมากๆ เป็นกำลังใจให้กัน ช่วยกันทำมาหากิน